วิเคราะห์ “อังกฤษ-เดนมาร์ก”ตัดเชือกยูโร 2020
วิเคราะห์ “อังกฤษ-เดนมาร์ก”ตัดเชือกยูโร 2020
วิเคราะห์การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2020 รอบรองชนะเลิศ ประจำวันพุธที่ 7 ก.ค. 64 ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ จะดวลเดือดกับ “โคนม” ทีมชาติเดนมาร์ก เริ่มแข่งเวลา 02.00 น. ถ่ายทอดสด : NBT2 HD, True Sports HD 3
ในเกมนี้ แกเรธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมอังกฤษ ถึงกับยิ้มหน้าบาน เพราะไม่มีปัญหาตัวผู้เล่นบาดเจ็บให้กวนใจ อยู่ที่ว่าจะเลือกส่งใครลงสนามเท่านั้นเอง แถมยังได้ข่าวดี บูกาโย ซากา ปีกจากอาร์เซนอลฟิตเต็มสูบพร้อมเป็นตัวเลือกให้ใช้งาน ส่วนขุมกำลังคนอื่นๆ พร้อมลุย โดยแนวรุกต้องฝากความหวังเอาไว้ที่ ราฮีม สเตอร์ลิง และ แฮร์รี เคน
ขณะที่ แคสเปอร์ ยุลมันด์ กุนซือเดนมาร์ก พาทีมมาถึงรอบนี้ได้แบบม้ามืดสุดๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งจริงๆ คาดว่าเตรียมจะส่ง ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก ลงคุมแดนกลาง ส่วนเกมรุกมี มาร์ติน เบรธเวต, มิคเกล ดามส์การ์ด และ แคสเปอร์ ดอลเบิร์ก เป็นทีเด็ด
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 21 ครั้ง
อังกฤษ ชนะ 12 ครั้ง เดนมาร์ก ชนะ 4 ครั้ง เสมอกัน 5 ครั้ง
ผลงาน 3 นัดหลังสุดของทั้งสองทีม
เกมรุก
เกมรุกของอังกฤษ ถือว่าไม่ธรรมดา กระหน่ำไปแล้ว 8 ประตู และจากฟอร์มนัดล่าสุดที่ถล่มยูเครนไปถึง 4-0 ทำให้แผงแนวรุกของสิงโตคำรามกำลังอยู่ในช่วงที่มั่นใจสุดขีด และพร้อมที่จะส่งลูกบอลไปซุกก้นตาข่ายเดนมาร์กได้ทุกเมื่อ ส่วนเกมรุกของ เดนมาร์ก ก็ถือว่าสุดยอดไม่แพ้กัน ศึกยูโรครั้งนี้พวกเราระเบิดตาข่ายคู่แข่งไปแล้วถึง 11 ประตู แม้ในช่วงแรกของรอบแบ่งกลุ่มฟอร์มจะยังไม่ค่อยเข้าฝักมากนัก สร้างสรรค์โอกาสกันได้ค่อนข้างเยอะ แต่การจบสกอร์กลับมีปัญหาขาดความเฉียบคม แต่พวกเขาก็ค่อยๆ แก้ไขและยกระดับเกมรุกของตัวเองขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง ดังนั้นจึงขอให้คะแนนเกมรุกของทั้งสองทีมพอๆ กัน
เกมรับ
เกมรับของ เดนมาร์ก ถือว่ายังไม่ค่อยแข็งแกร่งมากนัก เสียไปแล้ว 5 ประตูในศึกยูโรครั้งนี้ เวลาเจอคู่แข่งกดดันหนักมักจะเอาไม่อยู่และเสียสมาธิกันง่ายๆ ส่วนเกมรับของอังกฤษถือว่าดีกว่าอย่างชัดเจน ศึกยูโรครั้งนี้พวกเขายังไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว กองหลังอย่าง แฮร์รี แม็คไกวร์ และ จอห์น สโตนส์ คุมแนวรับได้อย่างเหนียวแน่น ส่วนฟูลแบ็กซ้ายและขวาอย่าง ลุค ชอว์ กับ ไคล์ วอลเกอร์ ก็กำลังฟอร์มเข้าฝัก เช่นเดียวกับคู่มิดฟิลด์อย่าง คัลวิน ฟิลลิปส์ กับ ดีแคลน ไรซ์ ที่ช่วยสกรีนบอลก่อนถึงแผงหลังได้เป็นอย่างดี ดังนั้นคงต้องยกให้ อังกฤษ เหนือกว่าในเรื่องนี้
ความแข็งแกร่ง
ขุมกำลังของอังกฤษถือว่ามีตัวเลือกเด็ดๆ ให้ใช้งานเยอะมากๆ ในแต่ละตำแหน่ง สามารถทดแทนกันได้อย่างกลมกล่อมลงตัว แถมยังไม่มีปัญหานักเตะมีอาการบาดเจ็บอีกด้วย ส่วน เดนมาร์ก คุณภาพตัวสำรองค่อนข้างแตกต่างจากตัวจริงอยู่พอสมควร ดังนั้นถ้าวัดกันในเรื่องของความแข็งแกร่งคงต้องยกให้ อังกฤษ เหนือกว่าค่อนข้างชัดเจน
ฟอร์มการเล่น
อังกฤษ กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ขุนพลในแต่ละตำแหน่งต่างอยู่ในช่วงที่ฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเอง พวกเขาทำได้ดีมากๆ ในเกมกับยูเครน สะสมความมั่นใจมากขึ้นไปอีกหลังก่อนหน้านั้นก็จัดการ อินทรีเหล็ก เยอรมนี มาได้ ส่วน เดนมาร์ก ก็ทำได้ดี เกมรอบ 16 ทีมพวกเขาไล่ยำ เวลส์ มาถึง 40 แต่นัดล่าสุดฟอร์มแผ่วลงไปนิดหน่อย เบียดเฉือนเช็กมาแบบหวุดหวิด 1-0 ดังนั้นเรื่องของฟอร์มการเล่นคงต้องยกให้ อังกฤษ เหนือกว่า แต่ก็ห้ามประมาท เดนมาร์ก เช่นกัน
แท็กติก
แกเรธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ใช้ระบบ 4-2-3-1 เป็นหลัก ฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งประสานงานกับปีกในการเล่นเกมรุกเพื่อสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตู โดยมีคู่มิดฟิลด์ยืนปักหลักดักเกมรุกคู่แข่ง ถ้าเดนมาร์กปล่อยให้เกมริมเส้นของอังกฤษเล่นกันได้ง่ายๆ ก็เตรียมโดนลงโทษได้เลย นอกจากนี้ เซาธ์เกต ยังมีการสลับตำแหน่งในเกมรุกระหว่างเกมให้คู่แข่งจับทางได้ยากลำบากอีกด้วย ส่วน แคสเปอร์ ยุลมันด์ กุนซือเดนมาร์ก มาในระบบการเล่น 3-4-2-1 เน้นรัดกุมแล้วใช้เกมสวนกลับเร็วเล่นงานคู่แข่ง ซึ่งเกมรุกของพวกเขาถือว่ามีคุณภาพเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ต้องรอดูว่าเมื่อเจอกับแนวรับอันแข็งแกร่งของอังกฤษ พวกเขาจะหาวิธีเจาะเข้าไปยังไง และเกมรับแค่ 3 คน จะเอาแนวรุกอังกฤษที่มีทั้งเทคนิคและความเร็วได้อยู่หรือไม่
