สมิธโรว์ ความหวังใหม่ของปืนใหญ่ เอมิลสมิธโรว์
สมิธโรว์ ความหวังใหม่ของปืนใหญ่ เอมิลสมิธโรว์
เด็ก 20 แต่ได้ใส่เสื้อเบอร์ 10 เอมิล สมิธ โรว์ เรื่องราวฟุตบอลกับเบอร์เสื้อเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมานาน จนกลายเป็นภาพจำสำคัญในตัวเอง บางสโมสรเบอร์เสื้อ อาจจะไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายนักเป็นพิเศษ แต่กับบางสโมสร เบอร์เสื้อนั้น ก็สามารถ บ่งบอกถึงสถานะ ของผู้สวมใส่ได้เหมือนกัน และเรื่องราวของหนุ่มน้อยที่มีนามว่า สมิธโรว์ ก็บ่งบอกได้อย่างดีทีเดียว ว่าเขาคือ ความหวังของปืนใหญ่ เอมิลสมิธโรว์ อาเซน่อล เพิ่งได้ทำการยืนยันว่าในฤดูการต่อจากนี้ไป เสื้อเบอร์ 10 แห่งถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ถูกสวมทับโดยเด็กหนุ่มดาวรุ่ง ที่มีนามว่า เอมิล สมิธโรว์ หากไม่ใช่แฟนบอลของ เดอะ กันเนอร์ส ก็คง งงไม่ใช่น้อยว่า มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของทีม คิดอะไรอยู่ ถึงได้มอบหมายเสื้อเบอร์ 10 อันทรงเกียรตินี้ ให้กับดาวรุ่งวันเพียง 20 ปี ที่เพิ่งถูกผลักดันให้ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ แบบเต็มๆ เพียงแค่ซีซั่นเดียว เท่านั้น เขาเป็นใครกัน เอมิล สมิธโรว์ ลองไปหากันตอบกัน
เด็กดาวรุ่งคนนี้เป็นใคร เอมิล สมิธโรว์
เอมิล เขาเป็นเด็กผู้ลืมตาดูโลกย่าน ครอยดอน ในปี สหัศวรรษใหม่ ถือเป็นผลผลิตที่ผ่านการหมักบ่มวิชา มาจากโรงเรียนลูกหนังของ อาร์เซนอล ตั้งแต่เด็กๆ เริ่มแรกเลยทีเดียว เนื่องจากเขานั้นได้เข้ามาอยู่กับทีม ตั้งแต่ อายุแค่ 10 ขวบเท่านั้น เอง ที่คือ เด็กเทพ ตามคำนิยามของผู้เป็นโค้ช เพราะฝีท้าว สามารถจะนำไปพัฒนาต่อ ได้ไม่ยาก
ช่วงเริ่มต้นก่อนจะมาลงเอยกับ อาร์เซนอล เขาเคย ไปทดสอบฝีเท้า กับ เชลซี แต่ไม่ได้รับการตอบกลับจากทีมสิงบลู จากนั้น พอเขามาอยู่กับเจ้าปืนใหญ่ ชื่อของเขา สมิธ โรว์ ก็พัวพันกับทีมใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า และ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ ทีมคู่ปรับร่วมเมือง แต่ ทว่า เจ้าหนูรายนี้กล้าที่จะปฏิเสธ เพื่อที่จะอยู่กับ ไอ้ปืนใหญ่ต่อไป
จุดเด่นของเขานั้นก็คือ เขาเล่นในตำแหน่งตัวรุกตรงกลาง และ ริมเส้นฝั่งซ้ายได้ ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ฟุตบอลสมัยใหม่ ที่ผู้เล่น ต้องเล่นฟุตบอลได้เป็นอย่างดี อย่างน้อย 2 ตำแหน่ง เพื่อเป็นออปชั่น ให้คนที่เป็นกุนซือ ได้เลือกใช้ ขณะที่สัดส่วน ก็อยู่ในมาตรฐา ส่วนสูง 6 ฟุต กับร่างกายที่ไม่หนา ไม่บางจนเกินไป ทำให้เราได้เห็นแล้ว่า เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา เขาได้สามารถจะ ประทะ กับพวกกองหลังแกร่งๆ ของลีกไ้ด้
จุดเริ่มต้นการได้เล่นในทีมชุดใหญ่ ต้องย้อนไปในยุคของกุนซือ อูไน เอเมรี่ ที่ไว้ใจให้เขาลงเล่นในเกม ยูโรป้าลีก ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ลอยนวล ตอบแทนด้วยการยิง 2 ประตู จาก 4 เกม ที่ได้มีโอกาส ลงสนาม จะบอกว่า เก่งเทพ เลย ก็คงไม่ใช่ เพราะในรายละเอียดการเล่นของเขานั้น มันก็ยังมี ข้อผิดพลาด เรื่องการตัดสินใจ ในจังหวะสำคัญอยู่บ้าง แต่ด้วยเพราะพื้นฐาน คือเจ้าหนูคนนี้ เป็นคนที่กล้าเล่น กล้าเลี้ยง กล้าเผชิญหน้ากับกองหลัง ในแบบเลี้ยงจี้เข้าหา ทำให้เขาได้รับคำชมจาก โค้ช โลกิ อูไน เอเมรี่ และ มิเกล อาร์เตต้า กุนซือคนปัจจุบันเป็นอย่างสูง
ช่วงปลายปี 2020 เป็นช่วงที่เจ้าปืนใหญ่ อาร์เซนอลประสบปัญหาเรื่อง ผลการแข่งขัน จากการไม่ชนะเกมลีกมา 7 นัดติด และยังตกรอบบอลถ้วย น้าแอ๊ด คาราบา คัพ ด้วยการพ่อยให้กับ แมนซิตี้ ถึง 4-1 อาการหนัก เอาการเลย พอถึงช่วง บ๊อกซิ่งเดย์ 26 ธันวาคม 2020 กุนซือ มิเกล อาร์เตต้า จึงผ่าทางตัน ด้วยการกล้าคิด กล้าทำ คิดใหม่ทำใหม่ เหมือนนักการเมืองไฟแรง ผลักดันเอาไอ้หนู เอมิล ขึ้นมาเป็นตัวปั้นเกม ตอนแรกชื่อก็ไม่คุ้น ฟังอยู่นานว่าชื่ออะไร แต่ฟอร์มเตะตามากๆ ในศึกลอนดอน ดาร์บี้ ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของ ไอ้ปืนใหญ่ เหนือ เชลซี ไป 3-1 โดยที่ เจ้าหนูจากดรอยดอน สร้างผลงานได้ดี มีส่วนกับการแอสซิสต์ ให้กับ บูกาโย่ ซาก้า ทำประตูที่ 3 ได้ หลังจากนั้นชื่อของเขา ก็เหมือนพลุไฟ ที่จุดขึ้นฟ้า และติดใจกับการเล่นก้อนเมฆ ติดลมบน จนไม่คิดอยากหวนตกลงมา
6 เกมต่อมา เขาลงตัวจริงทุกนัด มี แอสซิสต์ เพิ่มอีก 2 ลูก และทีมก็สะกด คำว่าแพ้ ไม่เป็น ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เอมิล ถูกตั้งฉายาให้เป็น เดอ บรอยน์ แห่งถิ่น ครอยดอน จากลีลาการปั้นเกมที่ทะลุทะลวง และมีความละม้ายคล้ายกับจอมทัพ ชาวเบลเยี่ยม ของเรือใบสีฟ้า แต่ในส่วนของเขานั้น เปิดปากประกาศชัดว่า เขาเติบโตมาจนป่านนี้ได้ ก็เพราะว่ามี เดนนิส เบิร์กแคมป์ และ เมซุต โอซิล อยู่บนหิ้ง คอยบูชาเช้าเย็นต่างหาก
ความยอดเยี่ยมที่พัฒนาขึ้น ไม่มีหยุด ดาวรุ่งอังกฤษ
ความยอดเยี่ยมของ เอมิล สมิธ โรว์ ยังมีหลักฐานสนับสนุน ผ่านจากผลงานในเวที ทีมชาติ เพราะผ่านการเล่นให้ อังกฤษ ในทุกระดับ ทุกชุดอายุ ไล่ตั้งแต่ 16 , 17 , 18 , 19 , 20 และ 21 โดยเฉพาะ ในรุ่น 17 ปี ที่เขาพาทีม สิงโต จูเนียร์ คว้าแชมป์โลกมาครองด้วยการชนะ สเปน จากนี้ก็เหลือแค่เพียงสิงโตคำราม ชุดใหญ่เท่านั้น ที่รอคอยให้เขา อัพเกรดตัวเองขึ้นไปหา
ในอีกด้านหนึ่งคนวงในของ อาร์เซนอลยังมองว่า เจ้าหนูสมิธโรว์ จะเหมือนกับ กรณี แซร์จ กนาบรี้ ตรงที่ สามารถสู้ดิ้นรน จนกลับมามีที่ยืนในวงการฟุตบอลได้ เพราะเขาเคยมีช่วงเวลาที่โดนปล่อยให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ยืมตัวไปใช้งาน แต่ก็ล้มเหลวจากอาการบาดเจ็บ และไม่สามารถแทรกขึ้นมาบนเวทีสูงสุดของเยอรมัน แต่สิ่งที่เด็กคนนี้ได้รับกลับมานั้นมันทรงคุณค่า เพราะเจ้าตัวบอกเองเลยว่า มันทำให้เขาเติบโตขึ้นมาอย่างแท้จริง และเพราะแบบนั้นอาร์เซนอล จึงไม่อยากพลาดซ้ำรอย แซร์จ กนาบรี้ ที่สุดท้ายไปเติบโตที่อื่น เลยทำการประคบประหงมเจ้าหนูคนนี้ เป็นอย่างดี จนได้โอกาส สำคัญในชีวิต เมื่อ มิเกล อาร์เตต้า ตัดสินใจมอบเสื้อเบอร์ 10 ให้เขาได้เป็นเจ้าของ นี่คือผู้เล่นที่ มิเกล ยอมรับว่าเป็นอนาคตของสโมสร และตอบสนองความเชื่อดังกล่าว ด้วยการมอบสัญญาระยะยาวให้ในเวลาเดียวกัน
ร่างโคลนของ แจ็ค วิลเชียร์ เควิน เดอ บรอยน์ แห่ง ครอยดอน มี เบิร์กแคมป์ และ โอซิล เป็น ไอดอล ไม่ว่าจะถูกเรียกว่าอะไรสุดท้ายแล้ว เอมิล สมิธ โรว์ มีหน้าที่แค่เพียงอย่างเดียวคือ พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น ว่าตัวเขานั้นคู่ควรกับ เสื้อเบอร์ 10 และพร้อมจะแบกรับเข็มทิศนำทาง อาร์เซนอลเข้าสู่ยุคสมัยใหม่อย่างเต็มตัว